วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 19, 2024
ข่าวด่วนพัทยาอาชญากรรม

“เปรม แฟร์เท็กซ์” ขนเอกสารสัญญาเช่ากลุ่มทุนจีนเบี้ยวค่าเช่าโรงแรมหรู

“เปรม แฟร์เท็กซ์” ขนเอกสารสัญญาเช่ากลุ่มทุนจีนเบี้ยวค่าเช่าโรงแรมหรู เข้าพบเจ้าหน้าที่หวังเป็นสื่อกลางประสานเจรจาค่าเสียหาย ด้านเจ้าหน้าที่ระบุเรียกพบตัวภายใน 1 อาทิตย์หากบิดพลิ้วเตรียมออกหมายเรียก เร่งศึกษาดูข้อ กม.เข้าข่ายฉ้อโกง หรือคดีแพ่ง พบสัญญาระบุชดใช้กว่า 40 ล้าน

จากกรณีที่ นายเปรม บุษราคัมวงษ์ ผู้บริหาร แฟร์เท็กซ์สปอร์ตคลับ แอนด์ โฮเต็ล เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนด้วยอยากเป็นสื่อกลางในการเตือนภัยไปยังนักธุรกิจและผู้ประกอบการท่องเที่ยวๆต่าง ที่กำลังคิดจะลงทุนกับนักธุรกิจชาวจีน โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมที่เข้ามาร่วมลงทุนในประเทศไทยที่มักจะไปตระเวนขอเช่าโรง แรมในแหล่งที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมเดินทางไปท่องเที่ยว เช่น สมุย เชียงใหม่ และเมืองพัทยา โดยโรงแรมแฟร์เท็กซ์ เป็นหนึ่งในเป้าหมาย โดยทางโรงแรมได้รับการติดต่อทำสัญญาเช่าโรงแรมบางส่วนกับกลุ่มทุนชาวจีนนี้ ซึ่งมีคนไทยถือหุ้นในบริษัทกว่า 51 % จึงได้ทำการตรวจสอบจนทราบว่าเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในต่างประ เทศ และมีสำนักงานตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ และที่กรุงเทพ โดยทำสัญญากับทางโรงแรมในระยะเวลาให้เช่า 7 ปี 7 เดือน เป็นโรงแรงขนาด 3 ชั้น 54 ห้อง ซึ่งเริ่มเดินสัญญาตั้งแต่เดือนกันยายน 2561 ในอัตราค่าเช่า 1 ล้านบาท/เดือน และที่ผ่านมาตลอดระยะเช่า 1 ปี ทางผู้เช่าก็จ่ายค่าเช่าตรงมาตลอดไม่เคยผิดนัด แต่อยู่ๆหลังสถานการณ์ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหายไป ทางผู้เช่าก็เข้ามาเจรจาต่อรองอัตราค่าเช่าใหม่ ซึ่งทางโรงแรมก็เห็นว่าได้รับผลกระทบจริงจึงปรับลดราคาให้ แต่แล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาทางผู้เช่าก็เงียบหายไปพร้อมสั่งให้พนักงานหยุดงาน และปิดโรงแรมในส่วนที่ให้เช่าทั้งหมด โดยไม่มีการบอกกล่าวใดๆกับทางผู้ให้เช่าเลย ซึ่งแม้จะพยายามติดต่อประสานงานไป เพื่อที่จะถามเหตุผลและการไม่จ่ายค่าเช่าก็ไม่ได้รับการชี้แจงใดๆได้แต่เพียงการปฏิเสธและแจ้งว่าจะประสานกลุ่มทุนชาวจีนให้ แต่ก็สุดท้ายก็ยังเพิก เฉยจนถึงปัจจุบันทำให้ทางผู้ให้เช่าเดือดร้อน จึงได้ไปแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลัก ฐานที่ สภ.เมืองพัทยา


ล่าสุดเวลา 14.00 น.วันนี้ (11 ก.ย.) นายเปรม บุษราคัมวงษ์ ผู้บริหารแฟร์เท็กซ์สปอร์ตคลับ แอนด์ โฮเต็ล เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.นิทัศน์ แหวนประดับ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อติดตามเร่งรัดเกี่ยวกับคดีดังกล่าว เนื่องจากจนถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับการประสานงานหรือติดต่อใดๆทราบแต่เพียงว่ามีการประสานจากบุคคลลึกลับที่ติดต่อไปยังสื่อมวลชนบางรายเพื่อขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับกรณีที่มาแถลงข่าวไปก่อนหน้านี้ ส่วนที่มาเร่งรัดคดีในครั้งนี้ไม่ได้มากดดันเจ้าหน้าที่หรือกดดันใคร เพียงต้องการให้เจ้าหน้าที่ช่วยประสานงานหรือติดตามผู้เช่าซึ่งทำผิดสัญญาเร่งมาพูดคุยเจรจาทำข้อตกลง หรือหาแนวทางบริหารจัดการใหม่ว่าจะทำการเช่าต่อ จะให้ลดราคา ขอผ่อนชำระ หรือยกเลิกสัญญา ที่จะต้องมีการชดใช้ความเสียหายหรือค่าเช่าที่ติดค้างกันอย่างไร โดยตามสัญญาแล้วจะมีค่าเช่าที่ติดค้างอยู่ 7 เดือนประมาณ 6-7 ล้านบาท และกรณีผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าเกินกว่า 3 เดือนผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญา เอาสถานที่คืน และต้องชำระค่าเสียหายอีก 36 ล้านบาท รวมทั้งค่าปรับรายวันอีกวันละ 6,000 บาทด้วย
ทางด้าน พ.ต.ท.นิทัศน์ แหวนประดับ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองพัทยา กล่าวว่าเบื้องต้นจากการพบผู้เสีย หายแจ้งความประสงค์ว่าไม่ได้อยากดำเนินคดีตามกฎหมาย เพียงต้องการทราบว่าทางผู้เช่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปเพราะทางโรงแรมได้รับความเสียหายจากการใช้งานและไม่สามารถเปิดให้บริการได้เพราะยังติดเรื่องสัญญา อีกทั้งยังมีค่าเสียหาย และค่าเช่าที่ติดค้างอยู่เป็นจำนวนมาก จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเป็นตัวกลางในการประสานงานให้ โดยจากการตรวจสอบเอกสารของทางบริษัทดังกล่าวพบว่ามีการจดทะเบียนในประเทศไทยมีกรรมการคนไทยถือหุ้น 2 ราย ซึ่งได้ติดต่อประสานไปแล้วและแจ้งว่าให้รีบมาเจรจากันพร้อมหน้าทั้ง 3 ฝ่ายภายใน 1 อาทิตย์นับจากวันนี้ โดยหากยังไม่มาดำเนินการตามที่แจ้งไว้ก็จะดูตามข้อกฎหมายว่าคดีนี้จะเข้าข่ายคดีอาญาฐานฉ้อโกงหรือไม่ หรือเข้าข่ายในคดีแพ่งอย่างไร จากนั้นก็จะออกหมายเรียกตามขั้นตอนจำนวน 2 ครั้ง แต่หากไม่มีรับทราบข้อกล่าวหาก็จะได้ขอออกหมายจับต่อไป แต่จากเอกสารหลักฐานและสัญ ญามีการจัดทำและลงนามกรรมการบริษัท รวมทั้งชื่อที่อยู่ชัดเจนครบถ้วนจึงไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร และทางผู้เช่าก็รับปากว่าจะมาพบปะภายในเวลาที่กำหนดซึ่งคงต้องรอดูกันต่อไป…….