“สนธยา”นายกเมืองพัทยา ชูนโยบายแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก EEC พร้อมเดินหน้าพัฒนากระตุ้นเศรษฐกิจเมืองพัทยา
“สนธยา”นายกเมืองพัทยา ชูนโยบายแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก EEC พร้อมเดินหน้าพัฒนากระตุ้นเศรษฐกิจเมืองพัทยา
วันนี้ (11 ต.ค. 61) เวลา 16.00 น. ที่ห้องประชุม 131 ศาลาว่าการเมืองพัทยา นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เป็นประธานชูนโยบาย แผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC โดยมี นายนริศ เพ็ชรรัตน์ นายกสมาคมผู้ประกอบการค้าวอล์คกิ้งสตรีทพัทยา พร้อมด้วยนายคมกฤษณ์ ประสิทธิ์ฤทธิ์ เลขาสมาคมฯ สมาชิกชุมชนวอล์คกิ้งสตรีท ผู้ประกอบการร้านค้า เข้ารับฟังนโยบาย พร้อมมอบของระลึกร่วมแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสขึ้นดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยาคนใหม่
รัฐบาลได้มีนโยบายให้เป็นพื้นที่นำร่อง Thailand 4.0 และเป็นฐานสะสมเทคโนโลยี พื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกในพื้นที่ 3 จังหวัด (ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการลงทุนที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต อนุกรรมการโครงสร้างพื้นฐานภายใต้คณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษตะวันออกได้อนุมัติโครงการเพื่อรองรับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งประกอบด้วยโครงการหลัก 5โครงการ ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ท่าอากาศยานดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) โครงการพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา
โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงท่าอากาศยานอู่ตะเภา
โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 และโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3
โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังเปิดประมูลโครงการรถไฟเชื่อม3สนามบินคาดว่าปี2566จะเปิดให้บริการได้
นอกจากโครงการหลัก 5โครงการนี้ยังประกอบด้วยโครงการพัฒนาโครงข่ายถนน ระบบราง และระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ เพื่อให้โครงสร้างพื้นฐานภายในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบ ทั้งทางถนน รถไฟ ท่าเรือ นิคมอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภค ระบบประปา และไฟฟ้า
ทั้งนี้ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ด้านแหล่งท่องเที่ยว การคมนาคมขนส่ง และความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวให้แก่ประชาชน นักท่องเที่ยว และนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
ซึ่งในโอกาสนี้ นายกเมืองพัทยาได้รับฟังแนวคิด ข้อเสนอแนะและปัญหาต่างๆของชุมชนวอล์คกิ้งสตรีทและพร้อมที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการเพื่อนำไปสู่จุดมุ่งหมาย”เมืองพัทยาเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของAEC”ต่อไป…..