บุกจับผับดังกลางกรุง พบยาเสพติด บารากู่ เปิดยันตี 4 ทุกคืน
ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองบุกจับผับดังกลางกรุง ไร้ใบอนุญาต นักเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติมั่วสุม พบยาเสพติด และ บารากู่ เปิดบริการไร้มาตรการป้องกัน เสี่ยงเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อ โควิด-19 เปิดยันตี 4 ทุกคืน
วันนี้!! 10 ธ.ค. 2563 เวลา 03.00 น. นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองทลายผับดังกลางกรุงไม่มีใบอนุญาต ย่านสุขุมวิท ชื่อ Insanity Nighclub ตั้งอยู่ภายในซอย สุขุมวิท 11 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร พบนักเที่ยวกว่า 150 คน ทั้งชาวไทยและต่างชาติ กำลังเต้นเบียดเสียดกัน ปราศจากการเว้นระยะห่าง และไม่มีมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด เตรียมชง สั่งปิดยาว 5 ปี
หลังได้รับแจ้งจากทางรัฐสภาประสานให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง ตรวจสอบ Insanity Nighclub เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ ร้องเรียนว่า สถานบันเทิงดังกล่าว เปิดให้บริการเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยเปิดยันตี 4 ทุกคืน เป็นเหตุให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อน และที่กังวลว่าจะเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 อีกด้วย
ก่อนเข้าจับกุมได้ทำการส่งสายลับ เข้าสืบสวนที่ร้าน Insanity Nighclub ถึง 2 ครั้ง พบว่า มีลักษณะเป็นผับ ที่ไม่ได้เข้มงวดกวดขัน และไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 โดยเปิดให้บริการถึงตี 04.30 น. ซึ่งเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ยังพบเห็นว่ามีการเสพยาเสพติดภายในร้าน และทางร้านมีการให้บริการบารากู่อีกด้วย เมื่อได้ข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนจึงปฏิบัติการจู่โจมสถานบันเทิงละเมิดกฎหมายทันที
กระทั่งเวลา 03.00 น.วันที่ 10 ธันวาคม 63 ทันทีที่สายลับส่งสัญญาณความพร้อม ชุดจับกุมเข้าไปถึงภายในร้านพบนักเที่ยวจำนวนกว่า 150 คน ทั้งชาวไทยและต่างชาติ กำลังเต้นเบียดเสียดกันอย่างเมามันตามจังหวะของเสียงดนตรี โดยไม่ได้มีการเว้นระยะห่างแต่อย่างใด อีกทั้งนักเที่ยวส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีการสวมหน้ากากอนามัย พอนักเที่ยวรู้ว่าถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม ภายในผับเกิดโกลาหล นักเที่ยวหลายคนพยายามโยนยาเสพติดทิ้ง และพยายามหลบหนีออกทางประตูหน้าร้าน แต่ชุดจับกุมได้วางแผนมาเป็นอย่างดี โดยส่งเจ้าหน้าที่ปิดล้อมประตูไว้ทุกด้าน จึงทำให้นักเที่ยวไม่สามารถหนีออกไปได้ เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองสั่งให้เปิดไฟ และประกาศให้ทุกคนอยู่ในความสงบ
จากการตรวจสอบภายในร้าน Insanity Nighclub พบนักเที่ยว จำนวนกว่า 150 คน ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ขณะเดียวกันระหว่างตรวจสอบภายในร้านร้าน Insanity Nighclub ยังพบยาเสพติดตกอยู่ตามพื้น และในห้องน้ำ มีลักษณะเป็นผงสีขาว คาดว่าเป็นเคตามีน และยังพบว่าทางร้านมีการให้บริการ บารากู่ โดยพบมีเตาบารากู่ และตัวยาบารากู่ จำนวนมาก และจากการตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดในร่างกาย เบื้องต้นพบมีนักเที่ยวฉี่ม่วง นอกจากนี้ยังพบว่าสถานที่แห่งนี้ เป็นสถานบริการ ที่ไม่ได้รับใบอนุญาต เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง จึงได้จับกุมตัวผู้จัดการร้านและร้องทุกข์กล่าวโทษในฐานความผิด ดังนี้
1. เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต
2. ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด
3. กระทำการชุมนุม การทำกิจกรรม หรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
4. ขายหรือให้บริการสินค้าบารากู่
นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง กล่าวว่า จากการตรวจสอบ สถานบันเทิงแห่งนี้ พบว่า เป็นสถานบริการที่ไม่ได้รับใบอนุญาต ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด เปิดให้บริการถึงยันตี 4 ทุกคืน และมิได้มีการปฏิบัติตามเงื่อนไข หรือมีมาตรการในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด เช่น ไม่ได้มีการเว้นระยะห่างระหว่างนักเที่ยว มีการเต้นเบียดเสียดใกล้ชิดกัน หรือไม่ได้มีการติดตั้งฉากกั้นระหว่างโต๊ะ และนักเที่ยวส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยเพื่อเป็นการป้องกัน ซึ่งเป็นที่น่าเป็นห่วงว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นมีสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยไม่ค่อยจะดีนัก ซึ่งมีผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น จึงเป็นที่น่ากังวลว่าที่แห่งนี้อาจจะเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ได้ โดยผับแห่งนี้สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนในบริเวณนี้เป็นอย่างมาก และยังพบว่ามีการปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดภายในผับอีกด้วย ซึ่งจะต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาต มีโทษทางอาญา และฝ่าฝืนคำสั่ง หัวหน้า คสช. ที่ 22/28558 มีโทษทางปกครองสั่งปิดสถานประกอบการที่ฝ่าฝืนเป็นเวลา 5 ปี…