วันศุกร์, ธันวาคม 20, 2024
ข่าวด่วนชลบุรีพัทยาสังคมสัตหีบ

เสียหาย “200 กว่าล้าน” พนักงานธนาคารดังหลอกโกงเงินในบัญชี ร้องแบงก์ต้องรับผิดชอบหลังทำนิ่งเฉย หากไม่ได้รับคำตอบพร้อมยกขบวนเข้า สตช.อีกครั้ง 11 มกราคมนี้

เสียหาย “200 กว่าล้าน” พนักงานธนาคารดังหลอกโกงเงินในบัญชี ร้องแบงก์ต้องรับผิดชอบหลังทำนิ่งเฉย หากไม่ได้รับคำตอบพร้อมยกขบวนเข้า สตช.อีกครั้ง 11 มกราคมนี้

มีรายงานว่าวันนี้ (24 ธ.ค.) ที่บริเวณถนนริมชายหาดพัทยากลาง หน้า สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี มีกลุ่มนักธุรกิจทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมกว่า 50 คน ยืนถือป้าย พร้อมร่วมตะโกนประท้วงขอความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยระบุว่าถูกพนักงานธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่งหลอกโกงเงินไปจำนวน 200 กว่าล้านบาท ซึ่งกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว แต่พบว่าทางธนาคารยังไม่เข้ามารับผิดชอบในการชดใช้ค่าเสียหายและคดีความที่ฟ้องร้องไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

นายศิริชัย ปิยะพิเชษฐกุล ทนายความของกลุ่มผู้เสียหาย เปิดเผยว่าตามที่ลูกความซึ่งเป็นผู้เสียหาย 3 ราย ประกอบด้วย นางหวัง ยุน ชิ (Mrs.Wang Yun-chi) นายพัน ยง เชียง (Mr.Pan Yong-hiang) และ น.ส.พันเหว่ย หมิง ( Ms.Pan Hwei-ming) ได้ไปเปิดบัญชีเงินฝากประจำที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาพัทยากลาง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 200,003,000 บาท โดยทำธุรกรรมผ่านทาง นายชัยสิทธิ์ ทรัพย์เพิ่มพูน ในฐานะลูกจ้างพนักงานของธนาคารฯ ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการธนาคาร ในขณะนั้น
ปรากฏว่าช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผู้เสียหายทั้ง 3 ได้ไปติดต่อธนาคารเพื่อนำสมุดเงินฝากประจำไปปรับรายการดอกเบี้ยเงินฝากและเบิกถอนเงินเมื่อครบกำหนด แต่ไม่สามารถเบิกถอนเงินที่ฝากไว้กับธนาคารได้ เนื่องจากนายชัยสิทธิ์ กับพวกซึ่งเป็นลูกจ้างของธนาคาร ได้ทำรายการเท็จลงในสมุดบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายทั้ง 3 ที่ออกโดยธนาคารฯ พร้อมลวงผู้เสียหายให้ฝากเงินประจำแทนการฝากแบบสะสมทรัพย์ แต่เงินของผู้เสียหายกลับไม่ถูกนำเข้าบัญชีตามระบบ โดยนายชัยสิทธิ์ ใช้สมุดบัญชีที่ธนาคารออกแต่ยกเลิกไปมาปรับรายการเพื่อทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อจนได้รับความเสียหายแยกเป็น นางหวัง ยุน ชิ (Mrs.Wang Yun-chi) จำนวน 120,001,000 บาท นายพัน ยง เชียง (Mr.Pan Yong-hiang) จำนวน 50,001,000 บาท และ น.ส.พันเหว่ย หมิง ( Ms.Pan Hwei-ming) จำนวน 30,001,000 บาท รวมทั้งสิ้น 200,003,000 บาท ทั้งนี้หลังทราบเรื่องพบว่า นายชัยสิทธิ์ กับพวก ที่กระทำผิดต่อหน้าที่ได้หลบหนีออกไปจากธนาคารฯสาขาดังกล่าว ดังนั้นในฐานะที่ธนาคารฯเป็นนายจ้าง จึงมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบชดใช้คืนเงินฝากทั้งหมดพร้อมค่าเสียหายจำนวนดัง กล่าว พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี

นายศิริชัย กล่าวต่อไปว่าหลังเกิดเหตุทางสำนักงานทนายความของผู้เสียหายได้ส่งหนังสือที่ นต.1201/2564 ลงวันที่ 1 ธ.ค.64 เรื่อง “ขอให้คืนเงินฝากและชดใช้ค่าเสียหาย” ไปยังธนาคารฯ โดยให้ชดใช้ในวันที่ 7 ธ.ค.64 ซึ่งมีการรับไว้เป็นที่เรียบร้อย แต่ปรากฏว่าทางธนาคารฯเพิกเฉยและมิได้แจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบ จึงถือว่ามีเจตนาที่จะเพิกเฉยและหลีกเลี่ยงที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำของนายชัยสิทธิ์ฯ จึงได้ทำหนังสือด่วนที่ นต.1206/2564 เพื่อขอให้คืนเงินฝากและชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งถือเป็นการแจ้งเตือนครั้งสุดท้าย โดยให้ดำเนินการภายในวันจันทร์ที่ 20 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา มิฉะนั้นจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญาในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 ต่อไป

ส่วนการเดินทางมาประท้วงและเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เมืองพัทยา ในวันนี้ ก็เพื่อเป็นการประกาศให้สังคมได้รับทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งร้องขอให้ทางผู้กำกับการ สภ.เมืองพัทยา ทำการปรับเปลี่ยนคณะเจ้าพนักงานสอบสวนชุดใหม่ เนื่องจากคดีดังกล่าวมีความล่าช้า ทำให้ผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามหากไม่ได้รับความเป็นธรรมใดๆในวันที่ 11 มกราคม 2565 กลุ่มผู้เสียทั้งหมดจะร่วมกันเดินทางไปร้องเรียนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และธนาคารกสิกรไทย สาขาใหญ่ เพื่อขอให้มีการเร่งรัดติดตามความคืบหน้าของคดีและมีการชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายต่อไป…….

ภาพ/ข่าว เก่ง ณ สงขลา / อติชาต สุขยืน ผู้สื่อข่าวภูมิภาคเมืองพัทยา จ.ชลบุรี