ผู้การหมอ สืบภาค2 ลุยกวาดจับบัญชีม้า แก๊งคอลเซ็นเตอร์เงินกู้เถื่อน หลังมีชาว จ.ฉะเชิงเทรา เครียดถูกหลอกใช้เชือกผูกคอตายคาบ้าน แถมส่งข้อความเยาะเย้ย พบมีนายทุนเป็นคนจีน ตั้งฐานอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน
จากเหตุการณ์นายอัฐวุฒิ ผมเพ็ชร อายุ 35 ปี ผูกคอเสียชีวิตภายในบริเวณบ้านเลขที่ 240/68 ม.11 ต.แปลงยาว อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา หลังจากเกิดความเครียดเนื่องจากจะกู้เงินออนไลน์จากแอพเงินกู้ แต่กลับถูกหลอกให้โอนเงินไปให้ และไม่ได้รับเงินที่ต้องการขอกู้แต่อย่างใด เมื่อนายอัฐวุฒิ เสียชีวิตแล้ว คนร้ายยังส่งข้อความมาหลอกให้นายอัฐวุฒิโอนเงินให้อีก แต่พอญาติแจ้งว่านายอัฐวุฒิฯ เสียชีวิตแล้วจากการถูกแก๊งเงินกู้หลอกให้โอนเงิน แก๊งดังกล่าวยังส่งข้อความเยาะเย้ยถากถางกับญาติผู้เสียชีวิตที่หลงเชื่อเอง
ล่าสุด วันนี้ 18 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 ว่าหลังเกิดเหตุดังกล่าว พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ ตำรวจสืบสวนภาค2 เร่งสืบสวนสอบสวน ติดตามจับกุมเครือข่ายผู้กระทำผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ด้วยวิธีการหลอกลวงให้กู้ยืมเงินแต่ไม่ได้เงิน (แก๊งคอลเซ็นเตอร์) โดยสั่งให้ทำการสืบสวนสอบสวนแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสืบสวนจนทราบว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเครือข่ายแก๊งคอลเซนเตอร์นี้ คือ “ชาวจีน” โดยจะตั้งสถานที่ทำงาน อยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และใช้วิธีการหลอกลวงผ่านทางสื่อโซเชียลต่างๆให้ผู้เสียหายหลงกลและเข้ามาทำเรื่องขอกู้เงิน เมื่อเหยื่อหลงกล คนร้ายจะโทรศัพท์หลอกลวงเหยื่อต่อไปว่า ท่านได้รับการอนุมัติให้กู้เงินแล้ว แต่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมก่อนจึงจะได้รับอนุมัติเงินกู้
ทั้งนี้ เมื่อผู้เสียหายหลงกลโอนเงินให้กับคนร้ายผ่านบัญชีม้าแล้ว คนร้ายก็จะแจ้งอีกว่า เหยื่อดำเนินการโอนเงินผิดขั้นตอน ต้องดำเนินการและวิธีการตามที่คนร้ายแนะนำเข้ามาใหม่ ซึ่งจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หากทำเสร็จแล้วจะได้ขยายวงเงินในการกู้เงินเพิ่มอีกเท่าตัว ทำให้เหยื่อผู้ที่ต้องการกู้ยืมเงินหลงเชื่อดำเนินการตามที่คนร้ายบอกมา ซึ่งวิธีการดังกล่าวนี้มีผู้เสียหายหลงกลตกเป็นเหยื่อแล้วจำนวนหลายราย
โดยตำรวจสืบสวนภาค 2 ได้ร่วมกันสืบสวนจับกุมผู้ต้องหารับจ้างเปิดบัญชีม้าให้กับกลุ่มชาวจีน แก๊งคอลเซนเตอร์ ดังนี้ จับกุม 9 คน 17 หมายจับ ในข้อกล่าวหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าระบบคอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบ”
ซึ่งส่วนใหญ่พบว่าผู้ต้องหาที่ถูกจับ จะถูกหลอกให้ไปเปิดบัญชี แล้วนำไปใช้ในการผิดกฏหมาย นอกจากนี้ยัง จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าบางบัญชีฯในเครือข่ายมีเงินหมุนเวียน จำนวน 73 ล้านบาท และได้ขยายผลจนทราบว่ามีผู้เสียหายในคดีฯ อื่นอีกอย่างน้อย 40 ราย ความเสียหายมูลค่าประมาณหลายล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเครือข่ายแอพเงินกู้นี้ สามารถหลอกลวงเหยื่อให้หลงกลและโอนเงินให้กับเครือข่ายนี้จำนวนหลายล้านบาทต่อวัน
อย่างไรก็ตาม ตำรวจจะเร่งสืบสวนขยายผลจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง และขอฝากประชาสัมพันธ์ผู้ที่หลงผิดยินยอม หรือมีส่วนรู้เห็นทั้งทางตรง หรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นนำบัญชี ธนาคารของตนเองไปให้คนร้ายใช้ จะมีความผิดทางกฎหมาย และจะถูกตำรวจจับกุมดำเนินคดีอีกด้วย.