กะเทยแสบ รวมหัวเพื่อนรักปลดทรัพย์นักธุรกิจอินเดีย
ตำรวจซิว “น้องไก่ กะเทยแสบ” รวมหัวเพื่อนรักปลดสร้อยนักธุรกิจชาวอินเดีย สร้างภาพลักษณ์เมืองพัทยาเสียหาย
จากกรณีกลุ่มสาวประเภทสองจำนวน 3 คน ได้ทำทีเข้ามาพูดคุยตีสนิท พร้อมกับใช้มือโอบกอดลวนลาม ก่อนจะลงมือก่อเหตุปลดสร้อยคอทองคำ มูลค่ากว่า 50,000 บาท ของ MR.AMANPREET BAGGA อายุ 33 ปี นักธุรกิจชาวอินเดีย ขณะกำลังเดินเล่นอยู่ภายในซอย 6 ถนนเลียบชายหาดเมืองพัทยา เมื่อคืนของวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา สร้างความเสื่อมเสียภาพการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาเป็นอย่างมาก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ 9 สิงหาคม 62 พ.ต.อ.พงศ์พันธ์ วงษ์มณีเทศ รรท.ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ เอนสาร สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา ได้นำกำลังชุดสืบสวน ร่วมกันจับกุมตัวนายก้อนคำ หรือไก่ จันทะจร อายุ 29 ปี สัญชาติลาว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม” พร้อมของกลาง เสื้อผ้าที่สวมใส่วันเกิดเหตุ และรถจักรยานยนต์ 1 คัน
พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ เปิดเผยว่า สำหรับแนวทางการสืบสวน หลังจากเกิดเหตุตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดบริเวณปิดจุดเกิดเหตุ จนกระทั่งทราบว่า ผู้ก่อเหตุในคดีนี้ มีด้วยกัน 3 คน ประกอบด้วย นายเอกชัย หรือเฟส คะอังกุ อายุ 23 ปี นายเอกพันธ์ หรือเกรซ ภูสระไสย์ อายุ 25 ปี และนายก้อนคำ หรือไก่ จันทะจร อายุ 29 ปี สัญชาติลาว จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดพัทยา และสืบสวนจนสามารถจับกุมตัว นายก้อนคำ หรือไก่ ได้ที่ห้องพักแห่งหนึ่ง ย่านพัทยากลาง ขณะที่ผู้ต้องหาคนไทย 2 คนที่เหลือ อยู่ในระหว่างการหลบหนี
เบื้องต้น ผู้ต้องหา ให้การอ้างว่า ปกติมีอาชีพทำงานอยู่ที่บาร์เบียร์แห่งหนึ่ง ภายในซอย 6 ถนนเลียบชายหาดเมืองพัทยา โดยคืนเกิดเหตุ นายเอกชัย หรือเฟส และนายเอกพันธ์ หรือเกรซ เพื่อนสาวประเภทสองด้วยกัน ชักชวนปลดสร้อยคอทองคำนักท่องเที่ยว ซึ่งตนเองทำหน้าที่เข้าไปทักทายพูดคุย ส่วนอีก 2 คนที่เหลือ มีหน้าที่ช่วยกันปลดสร้อย หลังจากก่อเหตุได้พากันขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี ก่อนวันถัดมาจะได้เงินส่วนแบ่งจำนวน 3,000 บาท แต่สุดท้ายไม่รอดถูกจับกุมได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ตำรวจจึงควบคุมตัว ผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดี พร้อมเร่งรัดติดตามผู้ก่อเหตุที่เหลือมาลงโทษตามกฏหมายต่อไป…