ปิดฉากคดีดัง ! 3 นักโทษ แทงตำรวจศาลพัทยา ยิงเปิดทางหนีคดี
จากกรณีที่ผู้ต้องหาคดียาเสพติดจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย นายหน่อย หรือต้น นิลเทศ Mr.Bart Allen Helmus สัญชาติอเมริกัน และ น.ส.สิรินภา วิเศษฤทธิ์ ก่อเหตุใช้อาวุธแทงเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาลจังหวัดพัทยา ขณะถูกเบิกตัวจากเรือนจำพิเศษหนองปลาไหลเพื่อมาขึ้นศาล จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนที่ญาตินำมาส่งให้ยิงเปิดทางขึ้นรถกระบะหลบหนีไป ทางเจ้าหน้าที่จึงนำกำลังติดตามไล่ล่าจนพบว่ามีผู้ร่วมขบวนการให้การช่วยเหลือรวม 10 รายทางเจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุมตัว ขณะที่การติดตามนั้นพบว่าทั้ง 3 และผู้ช่วยเหลืออีก 2 ราย หลบหนีไปอยู่ในบ้านร้างใน อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว จึงนำกำลังพร้อมประสาน เจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจภภูธร จ.สระแก้ว ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 รวมกว่า 200 นาย ลงปูพรมเข้าตรวจสอบพื้นที่กระทั่ง นายหน่อย หรือต้นนิลเทศ พร้อมภรรยาและเพื่อนขอเข้ามอบตัว ขณะที่นายบาส หรือบาร์ค อัลเลน พร้อมภรรยาซึ่งแยกจากกลุ่มของนายหน่อย หรือต้น หลบหนี ทางเจ้าหน้าที่สามารถค้นหาจนพบตัว แต่นายบาส ใช้อาวุธปืนต่อสู้ก่อนจะตัดสินใจยิงศีรษะตัวเองจนเสียชีวิต ขณะที่ น.ส.สิรินภา ภรรยาได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงเข้าที่ศีรษะตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเวลา 15.00 น.วันนี้ (7 พ.ย.) ที่ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พล.ต.ท.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ผช.ผบ. ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประการ ประจง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พล.ต.ต.ปราศรัย จิตตสนธิ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว และกำลังเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนกรณีเกี่ยวกับผลสรุปของคดีดังกล่าว โดยมีสื่อมวลชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
พล.ต.ท.ศตวรรษ เปิดเผยว่ากรณีของกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย คือนายหน่อย หรือต้นนิลเทศ Mr.Bart Allen Helmus ซึ่งเสียชีวิตแล้ว และ น.ส.สิรินภา หรืออ้อม วิเศษฤทธิ์ รวมทั้งผู้ให้การช่วยเหลืออีกจำนวน 10 ราย ได้แก่ นายวรากรณ์ หรือมด ดิษฐมาลี อายุ 20 ปี นายธรรมนูญ หรือแม๊ก ละอองศรี อายุ 25 ปี น.ส.สุนิษา หรือหนิง คำหาญ อายุ 32 ปี น.ส.กนกอร หรือฝน บุญปก อายุ 23 ปี น.ส.พิชามญช์ หรือแพร แสงพลอย อายุ 19 ปี น.ส.รุ่งนภา หรือแนน รุ่งรัศมี อายุ 27 ปี น.ส.ทิติธร หรือฟาง แจ่มกระจ่าง อายุ 18 ปี น.ส.เร็น ภาษี อายุ 40 ปี นายธนะรัตน์ หรือดุก ภาคกล้า อายุ 31 แ และนายสุทัศน์ หรือบิ๊ก สาระกิจ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมและตรวจยึดของกลางไว้ได้ทั้งหมดแล้ว ประกอบด้วย รถยนต์เก๋งและกระบะรวม 5 คัน คีมตัดเหล็ก โซ่ตรวจ เสื้อผ้าของผู้ก่อเหตุ อาวุธปืนดัดแปลงจากบีบีกัน ขนาด 9 มม. และอาวุธปืนขนาด 9 มม.พร้อมเครื่องกระสุน จึงต้องข้อหากล่าวว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 ฐานความผิด 1.ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2.ร่วมกันหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคน ขึ้นไป โดยมีหรือใช้อาวุธปืน 3.ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร และ 5.ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน โดยไม่มีเหตุอันควร ขณะผู้ช่วยเหลือมีความผิดฐาน 1.ซ่องโจร 2.ร่วมกันกระทำโดยประการใดเพื่อให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจศาลหลุดพ้นจากการควบคุมตัวไป และ 3.ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม
พล.ต.ท.ศตวรรษ กล่าวต่อไปว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 พ.ย.62 เวลา 15.00น. หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ประจำศาลจังหวัดพัทยาว่ามีเหตุผู้ต้องขังหลบหนีจากห้องควบ คุมผู้ต้องหาของศาลจังหวัดพัทยา และได้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาลได้รับบาดเจ็บ จึงได้ออกไปตรวจที่เกิดเหตุที่ห้องควบคุมผู้ต้องหา พบกองเลือดที่พื้นและปลอกกระสุนปืน ทราบชื่อคนเจ็บว่า ร.ต.ท.ธนะเมศฐ์ โพธ์พัน รอง สวป.สภ.สัตหีบ ช่วยราชการ สภ.เมืองพัทยา ปฏิบัติหน้าที่ประจำห้องคุมขัง ได้รับบาดเจ็บถูกอาวุธมีดแทงที่ชายโครงด้านซ้ายจึง นำตัวส่งโรงพยาบาลกรุงเทพ-พัทยา ส่วนผู้ต้องขังหลบหนีได้
จากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องขังทั้ง 3 ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษหนองปลาไหล โดยนายหน่อย ใช้อาวุธปืนพกสั้น ที่ นายวลากรณ์หรือมด ลักลอบนำเข้ามาให้ขณะเข้าเยี่ยม เล็งไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อบังคับให้ส่งกุญแจห้องคุมขังให้ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยินยอม นายบาร์ท จึงใช้อาวุธมีดพกสั้นแทงเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ นายหน่อย ได้ใช้อาวุธปืนยิง 1 นัด แต่กระสุนไม่ถูกผู้ใด จากนั้นผู้ต้องขังทั้ง 3 คนวิ่งหลบหนีไปทางประตูด้านหน้าศาลจังหวัดพัทยา และใช้อาวุธปืนยิงเปิดทางไปอีกจำนวน 3 นัด ก้อยขึ้นรถยนต์กระบะที่จอดรออยู่ริมถนนทางเข้าศาลจังหวัดพัทยาหลบหนีไป โดยมีรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ มิราจ สีขาว และรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์-ทอง ขับตามไป จากการสืบ สวนทราบว่าบุคคลที่ร่วมหลบหนีไปประกอบโดยขับรถหลบหนีมุ่งหน้าไปตามถนนจอมเทียนสายสองตัดสุขุม วิท และเข้าเขตพื้นที่ ต.ห้วยใหญ่ มุ่งหน้าสู่ถนนสาย 331 จนกระทั่งมาถึงเขตพื้นที่ ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา ผู้ต้องขังได้จอดทิ้งรถยนต์กระบะทิ้งไว้ ก่อนนายธรรมนูญหรือแม๊ก และ นายวลากรณ์หรือมด ได้ใช้คีมตัดเหล็กตัดโซ่ตรวนของผู้ต้องขังออก ก่อนพากันเปลี่ยนชุด และขึ้นรถยนต์ มิตซูบิซิ มิราจ สีขาว ทะเบียน ขต-4360 ชลบุรี ซึ่งมี น.ส.สุนิษาหรือหนิง และ น.ส.รุ่งนภาหรือแนน อยู่ภายในรถ ก่อนจะขับหลบหนีมาทางจังหวัดสระแก้ว
ซึ่งต่อมาชุดจับกุมสืบทราบว่าผู้หลบหนีทั้ง 5 คนประกอบไปด้วย นายหน่อยหรือต้น นายบาร์ทฯ น.ส.สิรินภาหรืออ้อม น.ส.สุนิษาหรือหนิง และ น.ส.รุ่งนภาหรือแนน หลบหนีไปอยู่บริเวณป่าอ้อยในเขต อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว จึงนำกำลังไปปิดล้อมปูพรมตรวจค้น จนนายหน่อยหรือต้น ยอมออกมามอบตัวพร้อมพวก ขณะที่ นายบาร์ทฯและน.ส.สิรินภาหรืออ้อม ได้แยกทางไปเพื่อจะข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่จึงติดตามกระทั่งพบตัว แต่ นายบาร์ทฯ ไม่ยอมให้จับกุมตัวแต่โดยดีและได้จับ น.ส.สิรินภาหรืออ้อม แฟนสาว เป็นตัวประกัน ก่อนจะใช้อาวุธปืนพกสั้นที่นำติดตัวมายิงศรีษะ น.ส.สินรินภาหรืออ้อม เพื่อหวังให้เสียชีวิตหนีความผิดแต่กระสุนเฉี่ยวทำให้ได้รับบาดเจ็บ และได้ใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันจ่อยิงศรีษะตัวเองจนได้รับบาด เจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลยุพราชสระแก้ว แต่ต่อมานายบาร์ท ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในที่สุด
พล.ต.ท.ศตวรรษ กล่าวเพิ่มเติมว่าขณะนี้ถือว่าจับกุมผู้ต้อง ผู้ช่วยเหลือ และของกลางได้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการทำงานที่รวดเร็ว จากความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน เหตุนี้ทราบว่ามีการวางแผนกันระหว่างผู้ต้องหาซึ่งรู้จักกันในเรือนจำประมาร 1-2 เดือนแล้วก่อนจะลงมือเหตุ แต่ไม่ได้มีการทำกันเป็นขบวน การเพราะส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนคุ้นเคยและลูกน้องของนายหน่อยหรือต้น และไม่มีเงินจำนวน 40 ล้านบาท เข้ามาเกี่ยวข้องตามที่ออกเป็นข่าว ส่วนกรณีที่สังคมสงสัยเรื่องของชนวนเหตุของการหลบหนีเพราะ น.ส.สิริสภาหรืออ้อม ท้องได้ 3 เดือนนั้นคงเป็นเรื่องที่ผู้ต้องหาอ้างขึ้น ที่แท้จริงน่าจะเป็นเรื่องของคดียาเสพติดซึ่งถือเป็นคดีใหญ่และมีโทษร้ายแรง ส่วนการเข้าเยี่ยมเพื่อนำอาวุธไปส่งให้ผู้ต้องหาก่อเหตุนั้นมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ขณะนี้ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งคงต้องยอมรับว่าเป็นการทำงานที่หละหลวม และคงจะดำเนินตามขั้นตอนต่อไป…