STC … 9 เดือน กำไรโต 221%
STC Concrete หุ้นน้องใหม่ที่กำลังจะเข้าตลาดปลายเดือนนี้ เราคุยกันไปแล้วรอบนึง วันนี้งบไตรมาส 3 และราคา IPO ออกมาแล้วครับ ต้องบอกว่าเติบโตมากเลยทีเดียว ผมลองไปแกะงบมาให้แล้วมีเรื่องราวน่าสนใจแบบนี้ครับ
** STC ผลิตภัณฑ์คอนกรีตครบวงจร **
สรุปให้ฟังแบบสั้น ๆ ก่อน ว่า STC นั้นทำผลิตภัณฑ์คอนกรีตตั้งแต่งานฐานราก งานโครงสร้างไปจนถึงงานอาคาร รายได้ปีนึงอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนได้ตามนี้
• 73% ผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) เช่น เสาเข็ม แผ่นพื้นสำเร็จรูป ท่อระบายน้ำ บ่อพักน้ำ คาน ผนัง กลุ่มนี้มี GPM ประมาณ 30-33% สินค้าหลักคือ ท่อระบายน้ำ ซึ่งมีมาร์จิ้นสูง ยิ่งขายท่อใหญ่ได้เยอะ กำไรยิ่งมาก
• 24% คอนกรีตผสมเสร็จ (Ready-Mixed Concrete) มีเครื่องผสมคอนกรีต รถโม่ปูน ผสมเสร็จแล้วใส่รถคอนกรีตมิกเซอร์ที่หมุน ๆ ไปเทลงหน้างานของลูกค้าตามต้องการ กลุ่มนี้มี GPM 20-30% ถ้ารับงานลูกค้าขนาดกลางและเล็กจะมีอัตรากำไรสูงกว่า ซึ่งตอนนี้เป็นแบบนั้นอยู่
• 3% งานบริการ เช่นงามปั๊มคอนกรีต งานตอกเสาเข็ม ซึ่งส่วนนี้เป็นงาน outsource ที่ไปจัดหามาดูแลอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า กลุ่มนี้มี GPM 18-20%
** ผลประกอบการอยู่ในช่วงขาขึ้น **
• ปี 2559 รายได้รวม 367 ล้านบาท กำไรสุทธิ 15.2 ล้านบาท
• ปี 2560 รายได้รวม 374 ล้านบาท กำไรสุทธิ 15.5 ล้านบาท
• ปี 2561 รายได้รวม 381 ล้านบาท กำไรสุทธิ 15.4 ล้านบาท
• 9M’61 รายได้รวม 272 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5.6 ล้านบาท
• 9M’62 รายได้รวม 303 ล้านบาท กำไรสุทธิ 17.9 ล้านบาท
• Q3’61 รายได้รวม 103 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2.4 ล้านบาท
• Q3’62 รายได้รวม 107 ล้านบาท กำไรสุทธิ 9.1 ล้านบาท
3 ปี ที่ผ่านมา รายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยปีละประมาณ 10 ล้านบาท แต่กำไรคงที่ พอมาปีนี้เริ่มเร่งเครื่องเต็มสูบ ผ่านไปแค่ 9 เดือน รายได้เพิ่มมากว่า 30 ล้านบาท ขณะที่กำไรมากกว่าเดิมกว่า 3 เท่า
เหตุผลที่อยู่ ๆ รายได้และกำไรโตแบบก้าวกระโดดเพราะ โครงการ EEC ได้ทำให้เกิดงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของ STC เป็นอย่างมาก ทำให้มีความต้องการใช้ท่อระบายน้ำ พื้น คาน เสาจำนวนมาก ทำให้รายได้เติบโตขึ้นแบบนี้ และแน่นอนว่า EEC เป็นโครงการระยะยาวที่น่าจะส่งผลดีให้กับ STC อย่างต่อเนื่อง
** โตแบบมีคุณภาพ ด้วยอัตรากำไรที่สูงขึ้น **
• GPM เคยอยู่ที่ระดับ 26-27% ตอนนี้ขึ้นมาที่ 32%
• NPM เคยอยู่ที่ระดับ 4% ตอนนี้ขึ้นมาที่ 6%
สาเหตุที่ GPM เพิ่มขึ้น เกิดจาก 2 ปัจจัย
เรื่องแรก คือ การขายท่อระบายน้ำได้มากขึ้น อัตรากำไรสูงกว่าสินค้าประเภทอื่น แนวโน้มก็ยังมีความต้องการท่อเยอะอยู่
เรื่องที่สอง คือ การได้ Economy of Scale ที่ดี ยิ่งผลิตเยอะ ต้นทุนต่อหน่วยยิ่งถูก และในโรงงานมีการใช้เครื่องจักรมาทำแทนคนมากขึ้น ต้นทุนก็ลดลงไปอีก
ขณะที่การเพิ่มของ NPM นอกจากได้ประโยชน์เรื่องต้นทุนแล้ว ค่าใช้จ่ายของพนักงานก็ไม่ได้เพิ่มมากเท่าไหร่ จากการที่ไม่ได้เพิ่มคนงาน แต่มาใช้เครื่องจักรแทน
** พื้นฐานแข็งแกร่ง หนี้น้อย **
• สินทรัพย์ 100 บาท เป็นที่ดิน โรงงาน รถขนส่งสินค้า 72 บาท เป็นลูกหนี้ 18 บาท เพราะหลัก ๆ แล้วก็เป็นโรงงานใหม่ และรถที่มีเพิ่มเข้ามาเพื่อรองรับการเติบโต
• หนี้สิน 100 บาท เป็นเงินกู้ทั้งสั้นและยาวรวมกัน 64 บาท และเจ้าหนี้ 32 บาท เหตุผลที่สัดส่วนเงินกู้ยืมเยอะ เพราะว่า บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในอนาคต จึงสร้างโรงงานขึ้นมาก่อนเลย เพื่อให้ทันกับออเดอร์ที่จะมีเข้ามา ซึ่งก็เริ่มออกดอกออกผลตั้งแต่ปีนี้แล้ว
• แต่สัดส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E ไม่ได้สูงเลย แค่ 1.1 เท่า แต่ถ้าดูเฉพาะหนี้ที่มีดอกเบี้ย อัตราส่วนนี้จะเหลือแค่ 0.65 เท่า
** IPO 1 บาท ถูกหรือแพง เอาเงินไปทำอะไร **
STC เสนอขาย IPO 148 ล้านหุ้น ที่ราคา 1 บาท (พาร์ 0.50 บาท) เงินที่ได้เอาไปชำระหนี้และเป็นเงินทุนหมุนเวียน เพราะสร้างโรงงานมาก่อนเข้าตลาด โรงงานนี้เหตุที่ต้องกู้เงินมาสร้างเพราะผู้บริหารมองเห็นแล้วว่างานมาแน่ ๆ และถ้ามัวแต่รอ IPO ก็จะไม่ทันกิน เลยตัดสินใจกู้แบงค์เข้ามาสร้างก่อน พอได้เงินจากการระดมทุน ก็ค่อยเอาเงินไปคืน
แบบนี้ถือว่าโอเค เพราะจะช่วยลดต้นทุนการเงินได้เยอะ และผู้ถือหุ้นใหม่ก็ไม่ต้องรอให้สร้างโรงงานและลุ้นผลประกอบการว่าสิ่งที่ผู้บริหารวางแผนไว้นั้นจะเข้าเป้าหรือไม่ เรียกง่าย ๆ ว่าเข้ามาก็ถือรอรับปันผลได้เลยเพราะผู้บริหารได้จัดเตรียมไว้ให้แล้ว
ถ้าดูกำไร 4 ไตรมาสย้อนหลัง = 27.8 ล้านบาท
จำนวนหุ้นทั้งหมดรวม IPO แล้ว = 568 ล้านหุ้น
EPS = 0.049 บาทต่อหุ้น
P/E = 20.4 เท่า
ถ้าเปรียบเทียบกับหุ้นตัวอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกันจะได้แบบนี้
DCON 15, SCP 8, SMART 128, Q-CON 141 และ CCP หาค่าไม่ได้เพราะขาดทุน
ถ้าเปรียบเทียบกับกลุ่มวัสดุก่อสร้างจะอยู่ที่ 15.3 เท่า
มองเผิน ๆ ก็คงบอกว่า STC ดูไม่ถูก แต่ก็ไม่แพง และเมื่อเทียบกับอนาคตที่ EEC น่าจะช่วยให้โตต่อเนื่อง พอ EEC เกิด ก็จะมีงานก่อสร้างอื่นตามมา โดยเฉพาะภาคเอกชน และอสังหาริมทรัพย์ สมมติ คิดเล่น ๆ ถ้าด้วยโมเมนตัมแบบนี้ ทำกำไรได้ไตรมาสละ 9 ล้านบาท P/E ก็จะเหลือประมาณ 15 เท่า
โดยสรุปแล้ว ผมว่า STC ตั้งราคามาดูสมเหตุสมผลกว่าหุ้น IPO หลายตัวก่อนหน้า และข้อดีคือเป็นหุ้นตัวเล็กที่เวลาเติบโตที ก็จะก้าวกระโดดได้แรงกว่า รวมไปถึงมีเมกะโปรเจ็คท์อย่าง EEC รองรับแน่นอน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องเตือนไม่ให้ประมาทว่า ความเสี่ยงก็ย่อมมีด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโครงการอาจมีดีเลย์ อาจติดการประมูล หรือเรื่องคน เรื่องราคาวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ ก็ต้องฝากติดตามอย่างใกล้ชิดด้วยครับ…….