กรมการปกครองบุกรวบแม่เล้า ช่วยสาวลาวเหยื่อคาราโอเกะค้ามนุษย์
ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองร่วมกับมูลนิธิรณสิทธิ์ บุกช่วยเหลือหญิงสาวชาวลาวเหยื่อค้ากามเปิดเผยขึ้น เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง และนายนิติ วิวัฒน์วานิช นายอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พร้อมกำลังเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง จากสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ “ศรีราชาคลีนนิ่ง” ทลายแก๊งค้ามนุษย์ ในร้านคาราโอเกะ พื้นที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี หลังศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย ได้รับข้อมูลจากมูลนิธิรณสิทธิ์ ว่าสถานประกอบการชื่อ “ร้านตอพยอม” ตั้งอยู่ริมถนน ชลบุรี-กรุงเทพ ถนนหลวงหมาย 7 ชลบุรี-พัทยา ตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี มีพฤติการณ์รับเด็กสาวจาก สปป.ลาว มายังประเทศไทย เพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศและแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดฐานค้ามนุษย์
จึงส่งพนักงานฝ่ายปกครอง (สายลับ) ร่วมกับมูลนิธิรณสิทธิ์ เข้าสืบสวนข้อเท็จจริงและเฝ้าสังเกตการณ์สถานประกอบการ ดังกล่าว พบว่าเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น เปิดเป็นร้านคาราโอเกะ ภายในร้านมีเก้าอี้โซฟาไว้ให้ลูกค้านั่งรอใช้บริการ และไว้สำหรับพนักงานหญิงของร้านนั่งรอต้อนรับลูกค้า ด้านในพบลูกค้าชายเข้ามาใช้บริการ และพบพนักงานหญิงบริการ ทำหน้าที่นั่งปรนนิบัติ ร่วมดื่มกินและขับร้องเพลงกับลูกค้า
จากการพูดคุยกับพนักงานหญิงของร้าน ทราบว่า ร้านตอพยอมเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 2 ทุ่ม เป็นต้นไปจนกว่าลูกค้าคนสุดท้ายจะเลิกใช้บริการ โดยที่พนักงานหญิงของร้านทุกคนตัองขายบริการทางเพศให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ ซึ่งภายในร้านถูกดัดแปลงห้องแบ่งเป็นห้องเล็กๆ สำหรับร่วมประเวณี จำนวน 6 ห้อง โดยจะมีการหมุนเวียนสับเปลี่ยนหญิงบริการ ไปยังเครือข่ายร้านคาราโอเกะต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและใกล้เคียง
ขณะเข้าทำการสืบสวน สายลับฝ่ายปกครองพิจารณาจากสรีระรูปร่าง หน้าตาพนักงานหญิงบริการของร้านแล้ว น่าเชื่อได้ว่าร้านตอพยอม มีพนักงานหญิง 2 ราย น่าจะเป็นบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี พร้อมสอบถาม น.ส.เอ (นามสมมุติ) ถึงการขายบริการทางเพศ น.ส. เอ ได้บอกว่า “คิดค่าบริการทางเพศครั้งละ 1,500 บาท โดยตนจะได้ส่วนแบ่งจากการขายบริการทางเพศครั้งละ 700 บาท ทางร้านจะได้รับส่วนแบ่งครั้งละ 800 บาทรวมค่าห้องแล้ว”
ส่วน น.ส บี (นามสมมุติ) บอกว่ามาจาก สปป.ลาว ได้รับการชักชวนจากเพื่อนที่เคยมาทำงานที่ร้านแห่งนี้ ชวนมาทำงานร้านอาหารและเสิร์ฟเครื่องดื่มเท่านั้น แต่พอมาถึงร้าน จึงจะรู้ว่าต้องออกขายบริการทางเพศด้วย ถ้าตนรู้แต่แรกว่าจะต้องมาขายบริการทางเพศตนจะไม่เดินทางมาเลย และ น.ส.บี บอกว่าตนได้ถูกเปิดบริสุทธิ์ ที่ร้านตอพะยอม ในราคา 30,000 บาท ปัจจุบันคิดค่าบริการทางเพศ ครั้งละ 1,300 บาท โดยตนจะได้ส่วนแบ่งจากการขายบริการทางเพศครั้งละ 500 บาท ทางร้านจะได้รับส่วนแบ่งครั้งละ 800 บาทรวมค่าห้องแล้ว”
เมื่อสายลับสืบสวนจนกระทั่งชัดแจ้งแล้ว ว่าร้านตอพยอม มีพฤติการณ์แสวงหาประโยชน์มิชอบด้วยการแอบแฝงค้าประเวณีเด็กหญิงอายุไม่ถึง 18 ปี จึงส่งสัญญาณให้ชุดจับกุมเข้าดำเนินการ ทันทีที่ชุดจับกุมเข้าไปถึง พบนักเที่ยวกำลังเข้ามาใช้บริการ จึงสั่งให้ยุติกิจกรรมทุกอย่าง และเชิญตัวลูกค้าผู้มาใช้บริการออกนอกพื้นที่ สามารถควบคุมหญิงให้บริการค้าประเวณีได้ 5 คน เป็นคนสัญชาติไทย 2 คน และสัญชาติลาว 3 คน ในจำนวนนี้เป็นหญิงสัญชาติลาว คาดว่าเป็นเยาวชนหญิง จำนวน 2 คน โดยมี นางสาววชิราภรณ์ วชิรไชยนันท์ อายุ 22 ปี รับเป็นเจ้าของร้าน ขณะตรวจเข้าตรวจสอบพบสมุดบัญชีขึ้นรอบขายบริการ เจลหล่อลื่น ยาคุมกำเนิด และถุงยางอนามัยเป็นจำนวนมาก
เบื้องต้นเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง ได้แจ้งข้อหากับเจ้าของร้านตอพยอม ดังนี้
– เป็นธุระจัดหาหรือชักพาไปซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี
– เป็นผู้ดูแลหรือผู้จัดการการค้าประเวณีหรือสถานการค้าประเวณี
– เป็นผู้สนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา หรือพาไปเพื่อการอนาจาร ซึ่งชายหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม
– ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ หลังจากนี้จะได้นำพนักงานหญิง ทั้ง 5 คน ทำการสัมภาษณ์เบื้องต้นเพื่อประกอบบันทึกจับกุม และนำข้อมูลไปสู่การคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยสหวิชาชีพ รวมทั้งให้ความคุ้มครองและฟื้นฟูผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ต่อไป ซึ่งหากพยานหลักฐานชัดเจนว่าพนักงานหญิงบริการในร้านตอพยอม อายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ผู้ถูกจับจะถูกดำเนินคดีในความผิดฐานค้ามนุษย์ เพิ่มเติมด้วย
นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง กล่าวว่า ปัญหาการค้ามนุษย์เป็นปัญหาสำคัญของสังคมไทยที่ทั่วโลกกำลังจับตามอง เพราะเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิความเป็นมนุษย์อย่างร้ายแรง การถือเอามนุษย์ซึ่งมีชีวิตจิตใจเป็นสินค้าในการซื้อขายแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ เป็นอาชญากรรมระหว่างประเทศ
ประชาชนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา ขจัดการค้ามนุษย์ หากพบเห็นเบาะแส หรือการกระทำที่เข้าข่ายค้ามนุษย์ สามารถแจ้งได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย หมายเลขโทรศัพท์ 1567
“ขอขอบคุณฝ่ายข่าว กรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย”
*************************