เจ้าของพูลวิลล่าพัทยาโต้เดือด…เอเจนซี่ท่องเที่ยวเช่ารายปีแต่เบี้ยวค่าเช่าผิดสัญญา ติดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าดูแลสระน้ำ ทำบ้านพักเสียหายจำต้องปิดบ้านยกเลิกสัญญา ยันหลักฐานพร้อมชี้แจงสังคมได้ทุกกรณี
เจ้าของพูลวิลล่าพัทยาโต้เดือด…เอเจนซี่ท่องเที่ยวเช่ารายปีแต่เบี้ยวค่าเช่าผิดสัญญา ติดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าดูแลสระน้ำ ทำบ้านพักเสียหายจำต้องปิดบ้านยกเลิกสัญญา ยันหลักฐานพร้อมชี้แจงสังคมได้ทุกกรณี
จากกรณีที่น.ส.จุฑารัตน์ ขาวโกมล กรรมการผู้จัดการ บ.คัลเลอร์ โอเชี่ยน จำกัด นำทีมทนายความเปิดแถลงข่าวถึงกรณีปัญหาที่ถูกสังคมโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับการเปิดให้บริการรับจองที่พักแบบบ้านพูลวิลลาในพื้นที่เมืองพัทยา และอำเภอใกล้เคียงใน จ.ชลบุรี โดยมีเนื้อหาระบุว่าทางบริษัทฯกระทำการเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคหรือนักท่องเที่ยวโดยให้โอนเงินค่าที่พักที่จับจองไว้ตามใบโบรชัวร์และโฆษณาในเพจเฟสบุ๊คของบริษัทฯในชื่อ “Amantara Group” แต่เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาเข้าพักจริงกลับพบว่าไม่ได้ที่พักตามที่ตกลงกันไว้จึงเหมือนเข้าข่ายเป็นการหลอกลวง หรือฉ้อโกงผู้บริโภค โดยกรณีนี้ทางบริษัทฯแจงว่าเป็นเพราะทางเจ้าของบ้านพักกว่า 30 หลังทำการปิดล็อคประตูห้ามเข้าใช้ประโยชน์ ทั้งๆที่เจ้าของบ้านทำสัญญาเช่ากับทางบริษัทฯไว้อย่างถูกต้องแบบรายปี เฉลี่ยค่าเช่าตั้ง แต่ 35,000-60,000 บาทต่อเดือน ซึ่งที่ผ่านมาทางบริษัทก็ไม่ได้มีการทำผิดสัญญา เพียงแต่อาจมีการโอนเงินค่าเช่าล่าช้านั้น ซึ่งกรณีดังกล่าวทำให้บริษัทฯเสีย หายจึงเปิดแถลงข่าวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการว่าทางบริษัทฯไม่ได้ทำธุรกิจที่เข้าข่ายหลอกลวง หรือฉ้อโกงแต่อย่างใดและมอบหมายให้มีการดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญานั้น
ล่าสุดวันนี้ (14 ม.ค.) กลุ่มเจ้าของบ้านพักพูลวิลล่า และผู้ดูแลบ้านพักจำนวนกว่า 10 ราย รวมบ้านพักกว่า 20 หลัง เดินทางเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับสื่อมวลชน นำโดย นางจิรัชฐา ปู่พงพระ พร้อมด้วย นางสุชญา แซ่ลิ่ม และ นางการันตี อุทาโย เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวโดยระบุว่าได้รับความเสียหายจากการเปิดแถลงข่าวของทาง บ.คัลเลอร์ โอเชี่ยน จำกัด ด้วยทางบริษัทฯมีการแถลงในลักษณะที่เป็นการใส่ความ และให้ข้อมูลกับสื่อไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ได้มาติดต่อขอเช่าบ้านพักพูลวิลล่ากับทางเจ้าของบ้านโดยตรงและผู้ดูแลบ้านแทนเจ้าของจริง โดยมีราคาค่าเช่าแต่ละหลังแตกต่างกันไปแล้วแต่ขนาดและสิ่งอำนวยความสะดวก แต่ปรากฏว่าตลอดระยะเวลาของการเช่านั้นทางบริษัทฯติดค้างค่าเช่าบ่อยครั้ง อีกทั้งยังมีการขอผัดผ่อนแบ่งชำระเงินเป็นงวดๆแต่สุดท้ายก็ไม่ดำเนินการตามเวลาที่กำหนดไว้ ที่สำคัญยังติดค้างค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าทำสระน้ำ และการดูแลบ้านพักจนได้รับความเสียหายด้วย
นางจิรัชฐา ปู่พงพระ แจ้งว่าทำสัญญากับบริษัทฯนี้มาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 ซึ่งในช่วงแรกๆทางบริษัทฯก็ชำระค่าเช่าตรงตามกำหนดดี แต่พอผ่านไปได้สักระยะก็เริ่มมีปัญหา โดยทางบริษัทฯได้เข้ามาเจรจาต่อรองในการขอผัดผ่อนแบ่งชำระเงินค่าเช่าเป็นงวดๆโดยอ้างว่าประสพปัญหาบางอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเจ้าของบ้านพักส่วนใหญ่ก็ยินดีเจรจาด้วย แต่สุดท้ายทางบริษัทฯก็ไม่ได้ทำตามข้อสัญญาที่เจรจากันไว้แต่อย่างใด กระทั่งมีการติดค้างค่าเช่าจนเลยระยะเวลาตามที่สัญญากำหนดไว้คือไม่เกิน 2 เดือน ขณะที่บ้านพูลวิลล่าหลังอื่นๆที่อาจทำสัญญาแตกต่างกันไปทั้งเรื่องระยะเวลาและค่าปรับก็ต้องประสพปัญหาเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังติดค้างค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าดูแลสระว่ายน้ำ และอสังหาริมทรัพย์ เมื่อทางเจ้าของบ้าน พักได้พยายามประสานและติดต่อไปในทุกช่องทางก็ไม่สามารถประสานงานกับทางบริษัทฯได้ จึงได้ทำการปิดล็อคประตูบ้านพักไว้เนื่องจากทางบริษัทฯผิดตามสัญญาที่ทำกันไว้ซึ่งเจ้าของบ้านพักสามารถบอกเลิกได้ทันที ซึ่งกรณีนี้ทำให้เจ้าของบ้านพักได้รับความเสียหายรวมแล้วเป็นเงินหลายล้านบาทจากจำนวนบ้านพักพูลวิลล่า กว่า 20 หลังที่เดินทางมาในวันนี้ ขณะที่นักท่องเที่ยวที่ไปซื้อหรือจับจองที่พักไว้กับทางบริษัทฯนี้ เมื่อเดินทางมาท่องเที่ยวแต่ไม่ได้เข้าพักตามข้อตกลงก็ได้รับความเสียหายเดือดร้อนเช่นกันและส่วนใหญ่ก็มักจะโทรประสานมายังเจ้าของบ้านพักพูลวิลล่าซึ่งคงจะไปรับผิดชอบแทนให้บริษัทฯไม่ได้ เพราะสัญญาสิ้นสุดลงแล้วจากการกระทำของบริษัทฯเอง โดยก่อนหน้านี้เจ้าของบ้านพักส่วนใหญ่ก็คิดว่าคงจะไม่ติดใจเอาความอะไร กระทั่งทางบริษัทฯได้ไปเปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนและให้ข่าวข้อมูลที่บิดเบือนไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น กรณีนี้ยืนยันว่าทางเจ้าของบ้านพักพูลวิลล่าทุกหลังมีเอกสารสัญญา ใบสลิปการโอนค่าเช่า และอื่นๆที่สามารถนำไปชี้แจงหรือยันกับเอกสารของทางบริษัทฯได้ รวมทั้งยังมีการแคปชั่นข้อความการสนทนาผ่านระบบไลน์ระหว่างเจ้า ของบ้านพักกับทางบริษัทฯในการเจรจาต่อรองและขอผ่อนผันหรือการติดตามทวงหนี้ จึงได้เดินทางมาแสดงหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงในครั้งนี้ พร้อมกันนี้จะเดินทางไปแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เมืองพัทยาด้วย
ด้านนางสุชญา แซ่ลิ่ม กล่าวเพิ่มเติมว่าไม่ใช่เจ้าของบ้านพักพูลวิลล่า แต่ได้รับมอบอำนาจให้มาดูแลบ้านพักแทนเจ้าของตัวจริงในทุกเรื่อง ซึ่งขอยืนยันว่าที่ผ่านมาทางบริษัทฯกระทำการผิดสัญญากับผู้ให้เช่าก่อน โดยเฉพาะกรณีของการชำระค่าเช่ารายเดือนจนได้รับความเสียหาย ส่วนที่รวมกลุ่มกันมาก็เพื่อแสดงหลักฐานชี้แจงเท่านั้น และที่สำคัญให้สังคมได้รับรู้ข้อมูลจากฝั่งเจ้าของบ้านพักพูลวิลล่าด้วยเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม…….
อติชาต สุขยืน / ผู้สื่อข่าวภูมิภาคเมืองพัทยา จ.ชลบุรี