ตำรวจท่องเที่ยว เดินเครื่อง ระดมกวาดล้างอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว
ที่ สถานีตำรวจท่องเที่ยวพัทยา พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. เป็นประธานปล่อยแถวการระดมกวาดล้างอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว สถานีตำรวจท่องเที่ยว 4 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว เข้าร่วม
พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. กล่าวว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์การท่องเที่ยวในขณะนี้มีปริมาณมากขึ้นอีกทั้งยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสืบทราบว่าอาชญากรรมทางการท่องเที่ยวมีเพิ่มมากขึ้น ทั้งการทิ้งลูกทัวร์ ไกด์เถื่อน และบริษัททัวร์เถื่อน ทำให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีนโยบายในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน โดยกำหนดแนวทางในการควบคุมแหล่งก่ออาชญากรรม พื้นที่เสี่ยง แหล่งมั่วสุม แหล่งอบายมุข บุคคลกลุ่มเสี่ยง บุคคลเฝ้าระวัง และผู้มีอิทธิพล โดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รวมถึงการสืบสวนเชิงรุกตามมาตรการเพิ่มสายข่าว และเร่งติดตามจับกุมคดี
ทั้งนี้กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จึงได้ระดมกวาดล้างอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในฐานความผิดเกี่ยวกับคดี 10 กลุ่มต้องห้าม ขึ้นในทั่วประเทศ ในการระดมปิดล้อม กวาดล้างและจับกุมอาชญากรรมต่าง ๆที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทุกรูปแบบที่เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว โดยในวันนี้ได้มีการระดมกวาดล้างพร้อมกันทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่พัทยา เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต กาญจนบุรี และเกาะสมุย ซึ่งผลการจับกุมในฐานคดี 10 กลุ่มต้องห้าม ทัวร์เถื่อน และไกด์เถื่อน ได้ถึง 211 คดี ซึ่งกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้มีการดำเนินการระดมกวาดล้างมาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน สามารถจับกุมได้ถึง 5,531 ราย ในภาพรวม ซึ่งการดำเนินการในวันนี้ถือเป็นก้าวแรกที่ดำเนินการขึ้นมาโดยกำลังพลตำรวจท่องเที่ยวทั่วประเทศได้ร่วมกันระดมกวาดล้าง
พล.ต.ต.พงษ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้ยังได้กำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ปฏิบัติหน้าที่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ กวดขัน ควบคุมการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว และประชาชนในพื้นที่ รวมถึงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่การท่องเที่ยวในภาพรวมด้วย และขอประชาสัมพันธ์ไปยังนักท่องเที่ยวและประชาชน กรณีได้รับความเดือดร้อนหรือต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อตำรวจท่องเที่ยวได้ทางสายด่วน 1155 ตลอด 24 ชั่วโมง และทางแอปพลิเคชัน Tourist Police i lert u