สืบภาค 2 บุกจับพระรับจ้างเปิดบัญชีม้าฟอกเงินแก๊งค้ายาเสพติด ตรวจค้นกุฏิเจอยาบ้า 28 เม็ด รับสารภาพถูกจ้างเปิดบัญชีในราคา 3,000 บาท
พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ได้สั่งการให้สืบภาค 2 ระดมกำลังเร่งรัดทำการกวาดล้างยาเสพติด โดยมีการจับกุมและขยายผลอย่างต่อเนื่อง ทั้งผู้เสพและผู้ค้า ต่อมาได้ทำการออกหมายจับ นายธนโชติ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ.209/2567 ลงวันที่ 22 เม.ย. 67 ในข้อหา “สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดฯ, รับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด เกี่ยวยาเสพติด หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิดฯ, ยอมให้ผู้อื่นใช้ชื่อหรือเอกสารในการเปิดธุรกรรมทางการเงินฯ, ยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคารของตนฯ, สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนฐานฟอกเงินฯ, กระทำด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มา แหล่งที่ตั้งการจำหน่าย การโอนฯ, ได้มาครอบครองหรือใช้ทรัพย์สินนั้นโดยรู้ว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด”
ต่อมา วันนี้ (24 เม.ย.67) สืบภาค 2 ได้สืบทราบว่า นานธนโชติได้บวชเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จึงเดินทางไปแสดงหมายจับและจับกุมตัว นายธนโชติ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในสถานะเป็นพระภิกษุสงฆ์ ได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่าได้นำบัญชีที่ตนได้เปิดใช้เมื่อปี 2566 ไปขายให้บุคคลอื่น พร้อมเบอร์โทรศัพท์ที่ผูกบัญชี ในราคา 3,000 บาท จริง โดยในการจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ทำการตรวจค้นกุฏิหลังที่ นายธนโชติฯ พักอยู่ พบยาบ้า จำนวน 28 เม็ด อยู่ภายในกุฏิด้วย จึงได้ทำการจับกุมพร้อมหมายจับ และจับกุมในคดีครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า)ฯ พร้อมพาตัว นายธนโชติฯ ไปพบเจ้าอาวาส เพื่อสึกออกจากการเป็นพระภิกษุสงฆ์ และนำตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ซึ่งในการจับกุมครั้งนี้ นายธนโชติ รับว่าได้เปิดบัญชีธนาคารและซิมโทรศัพท์ของตนเองเพื่อให้ผู้อื่นใช้ หรือขายต่อไปให้ผู้อื่นนั้น เจ้าของบัญชีหรือซิมโทรศัพท์ผู้เปิด จะมีความผิดฐาน “ผู้ใดเปิดบัญชี บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้มีเจตนาใช้เพื่อตน และห้ามไม่ให้ผู้ใดยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้ซิมโทรศัพท์ของตนในทั้งที่รู้หรือควรจะรู้ ซึ่งอาจจะนำไปใช้ในการทุจริตหรือทำผิดกฎหมาย” มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
อีกทั้งในความผิดครั้งนี้ เป็นความผิดเกี่ยวเนื่องกับยาเสพติด ซึ่งตามกฎหมาย พรบ.ยาเสพติด พ.ศ.2564 ได้ระบุบทลงโทษ ผู้รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารและซิมโทรศัพท์ซึ่งเกี่ยวกับยาเสพติดว่า “ผู้ใดยอมให้ผู้อื่นใช้ชื่อ เอกสาร หลักฐานของตน ในการเปิด จด หรือลงทะเบียนทำธุรกรรมทางการเงิน ซื้อสินค้าหรือบริการอื่นใด ยอมให้ใช้บัญชีธนาคาร บัตรอิเล็กทรอนิกส์ซิมการ์ดโทรศัพท์ หรือยอมให้ผู้อื่นใช้สิ่งเช่นว่านั้น ซึ่งตนได้เปิด จดหรือลงทะเบียนไว้แล้ว โดยรู้หรือควรรู้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด” มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นกรณีที่เจ้าของบัญชีหรือซิมโทรศัพท์มีส่วนรู้เห็นหรือเป็นผู้ชักชวนประชาชนให้รับจ้างเปิดบัญชี จะมีบทลงโทษเท่ากับผู้ค้ายาตามกฎหมายสมคบคิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ อัตราโทษสูงเท่ากับผู้ค้ายา อีกด้วย….