หนุ่มร้องสื่อ! ขบวนรถหรูวีไอพีชาวจีน ชนแม่ดับ พบไม่ธรรมดา ใช้ตำรวจขับนำทาง มีบอดี้การ์ดอารักขาดูแล โทรไปตามคดีอ้างขับรถให้นาย ปัดความรับผิดชอบโยนคุยทนาย-บริษัทประกัน หวั่นเจอคู่กรณีเส้นใหญ่เหยียบคดีเงียบ แถม ตร.พัทยา เจ้าของคดียังจะโยนความผิดให้แม่ ทั้งที่ยังไม่เปิดหลักฐานให้ดู
เย็นวันที่ 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายประคอง แจ้งใจ อายุ 31 ปี ลูกชาย เพื่อขอความเป็นธรรมให้แม่ หลังถูกขบวนตำรวจอารักขาคุ้มครองรถหรูของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน เฉี่ยวชนจนแม่ถึงแก่ความตาย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับเปิดเผยว่า น้องสาวได้โทรมาบอก น.ส.ชมธคณ แจ้งใจ อายุ 45 ปี ผู้เป็นแม่ ประสบอุบัติเหตุรักษาตัวอยู่ที่ รพ.กรุงเทพ-พัทยา ช่วงนั้นกำลังทำงานอยู่ เวลาประมาณตี 2 จึงลางานและรีบขับรถมาดูแม่ที่โรงพยาบาล โดยหมอแจ้งว่าแม่ อยู่ในอาการโคม่า กระดูกซี่โครงหักหลายซี่ และศีรษะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงสุดท้ายแม่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตถัดมาอีก 2 วัน (วันที่ 13 ก.ค.)
จากนั้นจึงได้ประสานงาน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา สาขาย่อยโค้งดงตาล ติดต่อขอรับศพไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดอำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีการสวดอภิธรรมจำนวน 2 คืน ก่อนประชุมเพลิงศพแม่อันเป็นที่รักยิ่ง สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ สร้างความโศกเศร้าให้กับญาติพี่น้องไปอย่างมาก จากการไปพบตำรวจเจ้าของคดี ตั้งแต่เกิดเหตุวันแรก ตำรวจได้แจ้งมาว่าคู่กรณีเป็นรถตู้หรู ยี่ห้อ เบนซ์ สีเทา เป็นรถนำเที่ยวของคณะนักท่องเที่ยวจีน พร้อมกับจะโยนให้แม่เป็นฝ่ายผิด ตอนนั้นยอมรับว่าตกใจมาก เพราะยังไม่เห็นหลักฐานอะไรเลย และร้องขอให้เจ้าของคดีช่วยตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
โดยวันที่แม่สิ้นลมหายใจ ได้โทรศัพท์หาไปหาโชเฟอร์รถตู้ของนักท่องเที่ยวจีนให้ทราบ ซึ่งคำตอบที่ “ผมยังไม่สะดวก ตอนนี้ขับรถให้นายอยู่ต่างจังหวัด ส่วนเรื่องคดีขอปัดให้เป็นหน้าที่ทนาย และบริษัทประกัน เป็นผู้จัดการ“ เลยเกิดคำถามในใจ และข้อสงสัยหลายอย่าง รวมถึงคดีจะเงียบเพราะมีคนบอกว่าเป็นคณะวีไอพีชาวจีน มีตำรวจแต่งกายในเครื่องแบบขับรถบิ๊กไบค์คอยนำขบวนอารักคุ้มครอง จึงเกิดความกังวลกลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนให้ช่วยตรวจสอบเรื่องนี้
ทั้งนี้ จึงอยากฝากไปถึงคู่กรณี ให้ควรมีจิตใต้สำนึก ถ้าตรงกันข้ามกันหากคนประสบอุบัติเหตุเป็นญาติพวกคุณบ้างละ จะรู้สึกยังไง โดยยืนยันไม่เคยได้ยินเสียงขอคู่กรณีเอ่ยปาก หรือโทรมาแสดงความเสียใจ ซึ่งไม่เคยติดต่อมาเลย ถ้าทางเราไม่ได้โทร ทุกครั้งที่ถามจะอ้างนายตลอด และก็ไม่รู้ว่านายท่านนี้คือใคร และถ้าแม่เป็นฝ่ายผิดก็อยากจะเห็นหลักฐาน โดยตำรวจเจ้าของคดีบอกว่ามีคลิปกล้องติดหน้ารถนำขบวนของตำรวจ สามารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ ซึ่งอ้างว่าอยู่ระหว่างการประสานงาน
ต่อมา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่จุดเกิดอุบัติเหตุ บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันคาลเทค บ้านหนองพังแค ถนนสุขุมวิท ฝั่งขาเข้าสัตหีบ ไปพูดคุยกับ นายแม็ค พนักงานเติมน้ำมัน เล่าว่า ขณะเกิดเหตุเห็นรถหรูทั้งหมด ถอยหลังทั้งขบวนไปจอดตั้งหลักตรงริมถนนใกล้กับโรงเรียนเมืองพัทยา 7 โดยมีตำรวจปิดท้ายขบวนลงมาอำนวยความสะดวก ประสานเจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ก่อนจะมีผู้ชายจำนวน 2 คน แต่งกายคล้ายบอดี้การ์ด คาดว่าเป็นคนขับรถตู้ชนผู้บาดเจ็บ
ทางด้าน นายเอ หนึ่งในพยานระบุ ขณะเกิดเหตุตอนนั้นไม่เห็นว่าผู้ตายไปเฉี่ยวกับรถในขบวนวีไอพีชาวจีนหรือไม่ แต่เห็นจังหวะที่รถอีกคันนึงที่ขับตามมาชนผู้ตาย จนร่างกระเด็นไปฟาดกับรถในขบวนอีก หลังจากนั้นขบวนรถได้แตกกลุ่มกันออกมา ไปจอดตรงแถวโรงเรียนห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร โดยส่วนใหญ่ผู้โดยสารในขบวนจะเป็นพวกนักท่องเที่ยวชาวจีน และมีผู้ชายคนขับของแต่ละคันลงมาลักษณะบอดี้การ์ด
ขณะที่ ป้าร้านขายข้าว บริเวณจุดเกิดเหตุ เล่าด้วยอีกว่า ตอนแรกเห็นขบวนรถหรูมาจอดเรียงรายกันบริเวณหน้าร้าน จากนั้นได้มีพวกนักท่องเที่ยวชาวจีน หรือเกาหลี ลงมาจากตัวรถ ตอนแรกคิดว่าเป็นกลุ่มลูกค้า พอออกไปดูพบเป็นการเกิดอุบัติเหตุ จอดรอเพื่อรอตำรวจเข้ามาตรวจสอบ โดยไม่รู้ว่าใครผิดถูก เนื่องจากคณะเกิดเหตุขายของอยู่ภายในร้านอาหาร
ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดระยะทางประมาณ 300 เมตร พบตำรวจในเครื่องแบบได้ขับรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่วิ่งเปิดสัณณาญไฟนำขบวนกลุ่มรถหรู วีไอพีนักท่องเที่ยวประมาณ 5-7 คัน และมีตำรวจอีกคันขับปิดท้ายขบวน โดยช่วงเกิดเหตุภาพของปั๊มน้ำมันไม่มารถบันทึกได้ เนื่องจากอินเทอร์เน็ตมีปัญหา ซึ่งหลังเกิดเหตุตำรวจนำขบวนได้พาคณะวีไอพีจอดเข้าที่เลนซ้าย ห่างจากจุดเกิดเหตุพอสมควร ก่อนจะมีผู้ชายจำนวน 2 คน แต่งกายคล้ายบอดี้การ์ด วิ่งย้อนกลับเข้าไปบริเวณสถานที่เกิดเหตุ
ขณะที่กล้องอีกตัวจับภาพ เจ้าที่ตำรวจในเครื่องแบบ ได้จอดรถนำขบวนเดินย้อนตามขึ้นไปกับกลุ่มคนขับรถ และบอดี้การ์ด แล้วไม่นานก็เห็นได้ว่าจะมีคณะวีไอพีชาวจีนกลุ่มใหญ่ลงจากรถและเดินอยู่บริเวณนั้น หลังจากนั้นตำรวจขับรถนำขบวนเดินกลับมาที่รถของตัวเอง โดยมีผู้ชายที่คาดว่าเป็นพวกบอดี้การ์ดจะเดินตามมา ก่อนตำรวจจะขับตามปิดท้ายขบวนรถหรูที่เหลือที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกจากจุดเกิดเหตุ